วิลล็อกเข้าร่วมทีมเยาวชนของอาร์เซนอลด้วยวัยเพียง 4 ปีครึ่ง และได้เล่นร่วมกับพี่ชายของเขา[4] เขาลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 2017 ในการแข่งขันอีเอฟแอลคัพนัดที่พบกับดองคัสเตอร์โรเวอส์[5]

อาร์เซนอล

วิลล็อกลงเล่นนัดแรกในพรีเมียร์ลีกในนัดที่พบกับนิวคาสเซิลยูไนเต็ดเมื่อวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 2018[6] และทำประตูแรกให้กับทีมชุดใหญ่เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 2018 ในยูฟ่ายูโรปาลีกนัดที่บุกเอาชนะ Vorskla Poltava 3–0[7] ต่อมาเขาทำสองประตูในเอฟเอคัพนัดที่บุกเอาชนะแบล็กพูล 3–0 เมื่อวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 2019[8]

วันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2019 มีการรายงานว่าวิลล็อกได้ขยายสัญญาระยะยาวกับอาร์เซนอลออกไป[9][10] ต่อมาวันที่ 19 กันยายน ค.ศ. 2019 เขาทำประตูช่วยให้ทีมบุกเอาชนะไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท 3–0 ในยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2019–20[11] ต่อมาวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 2019 วิลล็อกทำประตูแรกในการลงเล่นที่เอมิเรตส์สเตเดียม ช่วยให้ทีมเปิดบ้านเอาชนะนอตทิงแฮมฟอเรสต์ในอีเอฟแอลคัพไปได้ 5–0 โดยประตูที่เขาทำได้มีจุดเริ่มต้นจากเอกตอร์ เบเยริน[12] ต่อมาวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 2020 เขาทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีกช่วยให้ทีมบุกเอาชนะเซาแทมป์ตัน 2-0[13]

นิวคาสเซิลยูไนเต็ด (ยืมตัว)

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 วิลล็อกถูกปล่อยยืมตัวให้กับนิวคาสเซิลยูไนเต็ดในช่วงที่เหลือของฤดูกาล 2020–21[14] เขาทำประตูในนาทีที่ 16 ในนัดแรกที่เขาลงเล่นให้กับสโมสรที่พบกับเซาแทมป์ตันเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์[15] ต่อมาหลังจากที่ทำประตูจากการลงเล่นเป็นตัวสำรองในนัดที่พบกับทอตนัมฮอตสเปอร์, เวสต์แฮมยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล[16] เขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดที่ออกไปเยือนเลสเตอร์ซิตี โดยเขาทำประตูแรกให้กับทีมจนช่วยให้ทีมบุกเอาชนะไปได้ 4–2[17] ต่อมาวันที่ 14 พฤษภาคม เขาทำประตูให้กับนิวคาสเซิลยูไนเต็ดในนัดที่เปิดบ้านแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ซิตี 4–3[18] ต่อมาวันที่ 19 พฤษภาคม เขาทำประตูในลีกเป็นนัดที่ 6 ติดต่อกับ ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ทำสถิติเช่นนี้ได้ในพรีเมียร์ลีกด้วยวัยเพียง 21 ปี 272 วัน และเป็นการทำลายสถิติเก่าของโรเมลู ลูกากู[19] สี่วันถัดมา การแข่งขันนัดสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก เขาทำประตูได้อีกครั้ง นับเป็นการทำประตูให้กับนิวคาสเซิลยูไนเต็ดติดต่อกันถึง 7 นัด ซึ่งมากที่สุดเทียบเท่ากับตำนานสโมสรอย่างอลัน เชียเรอร์[20]